ที่สุดของไก่ชนพม่าแข้งหน้าจัด ตีหนักตีแม่น แผลคม ต้องที่เราเท่านั้น
สาเหตุที่เราเพาะพัฒนาไก่ชนออกมาแล้วไม่เก่ง ได้ไม่ค่อยดี อาจจะเกิดจาก
1.สายพันธุ์ สายเลือดที่ไม่ชัดเจน คือเราไม่รู้ต้นสายต้นเหล่าของไก่ สมมติว่าเราได้ไก่หนุ่มมาหนึ่งตัวที่มีความเก่งมาก เราต้องถามต่อว่าชั้นพ่อชั้นปู่ของเขาเป็นมาอย่างไร เราต้องเช็คให้ชัวร์ก่อน ก่อนที่เราจะเพาะ ถ้าหากว่าเราได้ลูกครึ่งมาเวลาเพาะความชัดเจนมันจะยากนิดหนึ่ง เราไม่รู้ว่าเวลาที่เพาะออกมาเขาจะออกไปทางสายเลือดเขาไหมหรือว่าเป็นแบบผสม เพราะถ้าเขาออกมาแบบผสมลีลาชั้นเชิงเขาจะไม่ชัดเจน ให้เราเลือกตัวที่มีสายใดสายหนึ่งที่ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นมาเลย จะทำให้เราได้มีโอกาสเพาะแล้วได้ดีเยอะกว่าเราไม่รู้ต้นทางของเขา เป็นเรื่องที่สำคัญจะทำให้เราไม่เสียเวลา
2.พ่อเก่งแต่ส่งไม่ต่อถึงรุ่นลูก ในกรณีแบบนี้จะป้องกันยากเพราะกว่าจะรู้เราก็ผสมไปแล้ว มันเป็นความพิเศษเฉพาะของตัวพ่อไก่เลยก็ว่าได้ พ่อเก่งนำมาผสมลูกที่ออกมาความเก่งนั้นไม่ได้ครึ่งพ่อเลย แต่การที่จะตัดสินว่าพ่อไก่ชนเขาเก่งเฉพาะตัวนั้น ไม่ใช่ว่าจะตัดสินจากการผสมเพียงแม่หรือสองแม่เท่านั้น เราต้องลองผสมกับแม่ไก่ที่เคยจ่ายลูกดีเป็นสิบสาย เพื่อดูว่าเป็นเหมือนกันทุกแม่ไหมจึงจะตัดสินเขาได้
3.การผสมข้ามสายพันธุ์ แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาทำเลย การผสมข้ามสายพันธุ์ไม่ใช่การผสมข้ามเหล่ากอ ข้ามสายพันธุ์ เช่น เอาไก่ไทยมาผสมกับไก่พม่า เอาพม่าไปผสมกับไก่ป่าก๋อย แต่การผสมข้ามเหล่ากอ เช่น เอาไก่ชนพม่าสายจากเพชรบุรีมาผสมกับพม่าจากเชียงใหม่ เป็นต้น การผสมข้ามเหล่านั้นมีโอกาสที่จะเก่งเพราะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน
แต่ถ้านำมาข้ามสายพันธุ์เขาจะกลายเป็นไก่ครึ่งๆกลางๆ จะตีแผลกระจายไม่ตีย้ำแผลเดิม อาจจะเป็นไก่ปากไวก็จริงแต่ตีแผลกระจายแบบนี้เสียเวลา แต่ถ้าตัวดีๆเอาไปตีก็ได้แต่ถ้าเราจะเอากลับมาทำพ่อพันธุ์เราจะไม่สามารถกำหนดทิศทางได้เลย เลือดก็จะไม่นิ่งโอกาสเก่งก็จะน้อยตัว
ฉะนั้นหากว่าเราพัฒนาสายไหนก็ให้พัฒนาสายนั้นไปเลย ไก่ชนพม่าก็พม่า ก๋อยก็ก๋อย ทำให้ดีไปเลย ให้ทางชนมันไปด้วยกันถึงจะพัฒนาได้ ถ้าไก่ทานคนละทางโอกาสที่จะผสมให้มันเข้ากันมันค่อนข้างยาก และทำให้เสียเวลาในการพัฒนาด้วยโอกาสที่จะได้ตัวดีก็มีน้อยมาก จึงไม่แนะนำให้มือใหม่ทำวิธีข้ามสายพันธุ์